沪江

泰国著名小说:《佳媞的幸福》第十四回(中)

沪江泰语 2013-03-18 09:29

“รูปนี้กะเตงกันไปเที่ยวสิงคโปร์ หนูสามขวบกว่าแล้วแม่ไปทำงาน ลุงตองลากน้ากันต์ไปด้วย น้ากันต์ไม่ได้เรียนกฎหมายเหมือนแม่ แต่เราอยู่ชมรมเทนนิสเหมือนกัน แม่อยู่ปีสามแล้วตอนน้ากันต์เข้าปีหนึ่ง เปล่าจ้ะ ลุงตองไม่ได้เล่นเทนนิส แต่ชอบมาขลุกที่ชมรม ดูหนุ่ม ๆ” แม่หัวเราะ “วันหลังแม่จะหารูปลุงตอง น้ากันต์ กับแม่สมัยเป็นนักศึกษาให้ดู น้าฎาเคยเห็น หัวเราะจะเป็นจะตายเลยละ”
แม่ดูมีความสุขชีวิตและเพื่อนฝูงดี ภาพถ่ายเป็นพยาน แล้วกะทิเป็นศูนย์รวมความรักของทุกคน
กะทิพลิกมาถึงกลางอัลบั้มก็ต้องแปลกใจที่หมดลงแค่นนี้ที่น่าแปลกใจมากขึ้นอีกคือรูปถ่ายสองรูปสุดท้าย เป็นภาพเดี่ยวของกะทิในสภาพที่ขำไม่ออก
“ตากับยายย้ายไปอยู่บ้านริมคลองแล้ว แม่สนับสนุนเอง เพราะตาผัดผ่อนมาเกือบปีตั้งแต่ทำบ้านใหม่เสร็จ แม่รู้ว่าเป็นความฝันของตาที่จะใช้ชีวิตหลังเกษียณแบบชาวบ้านแม่ไม่มีโอกาสไปเยี่ยมบ่อยอย่างที่ตั้งใจ งานของแม่มากจนล้นมือ คนกำลังเห่อ ‘อีคอมเมิร์ซ’ ขายสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ตไงจ๊ะ แม่จับด้านมี้มาตั้งแต่ประจำอยู่ที่ฮ่องกง มอบงานให้ใครช่วยแทบไม่ได้ ต้องคอยแก้ปัญหา เป็นที่ปรึกษากฎหมายให้บริษัทต่างชาติที่มาตั้งในเมืองไทย’
“แล้วแม่ก็เริ่มป่วย ทีแรกแม่ก็นึกว่าทำงานหนักพักผ่อนไม่พอ แม่ทำของหล่นบ่อย ก้าวพลาดตกบันไดประจำทั้งที่บ้านและสำนักงาน รูปนี้แม่ทำหนูตกบันไดสะพานลอย ถลอกปอกเปิกทั้งแม่ทั้งลูก”
รอยแผลทายาสีแดงพาดเต็มแก้มของกะทิ เจ้าตัวคงไม่ค่อยเดือดร้อน เพราะยิ้มเผล่ให้กล้องอย่างดี แต่หัวใจของคนถ่ายรูปนี้คงมีรอยช้ำไม่น้อย เสียงของแม่เริ่มเครือ
“หลายหนูมากเลยที่แม่ทำหนูเจ็บตัว หัวปูดโน ปากแตก หนูร้องไห้เสียงดังตอนเจ็บ พอหายเจ็บก็เล่นซนได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สมกับที่แม่ขอพระไว้ตอนท้องหนูว่าแม่ขอลูกที่ความสุขในหัวใจได้เสนอไม่ว่าจะเกิดอะไรในชีวิต
“แต่แม่เริ่มแน่ใจแล้วว่าตัวเองไม่สบาย แม่ลางานกลับไปอยู่กับตายายหลังจากรู้ผลตรวจแน่นอน แม่ยังนึกไม่ออกว่าจะจัดการกับชีวิตยังไง แล้วก็เกิดเรื่อง”
กะทิชักไม่แน่ใจว่าควรจะอยู่กับแม่สองคนหรือไปตามพี่อ้อยมาดี แม่เคยขอไว้ว่า ถ้าเป็นไปได้อยากจะอยู่กับกะทิตามลำพัง ต้องการอะไรจะให้กะทิไปบอก แต่ตอนนี้แม่ดูหน้าซีดและเว้นจังหวะกับเครื่องไบแพพถี่ขึ้น
“ลึก ๆ แล้วแม่คงยังไม่ยอมรับว่าตัวเองไม่เหมือนเดิมแม่พาหนูลงเรือพายไปเที่ยวในคลอง ตากับยายไม่ทันเห็นไม่อย่างนั้นคงห้ามเสียงแข็ง ไม่รู้เหมือนกันนะจ๊ะว่าแม่จะฟังไหม แม่อยากพาหนูไปดูต้นก้ามปูใหญ่ริมทุ่ง เราสองคนไปถึงศาลากันอย่างปลอดภัยดี หนูชอบน้ำมาก ชอบเรือ ชอบศาลา ชอบดอกผักบุ้ง เราเพลินเล่นเพลินคุยจนไม่ทันเห็นเมฆที่ตั้งเค้ามาแต่ไกล

中文详解:

“这张照片是去新加坡时照的。你大概三岁多一点,妈妈去工作,伯伯拽上绀舅舅一起去了。绀舅舅不像妈妈一样是学法律的,但我们同在一个网球俱乐部,妈妈在俱乐部的第三年绀舅舅才进俱乐部一年。对了,伯伯虽然不打网球,但却很喜欢到俱乐部里来,看那些身手不凡的年轻人打网球。”妈妈笑了起来。“往后妈妈找伯伯、绀舅舅和妈妈大学时期的照片给你看。帕舅舅曾经看过,笑得死去活来的。”
妈妈看上去是一个生活幸福,和身边的朋友相处和睦的人。这些照片就是见证。而佳媞,就是大家爱的中心。
佳媞才翻到相册的中间,奇怪怎么照片就没有了。最让她感到奇怪的是最后两张照片,是两张让佳媞笑不出来的照片。
“外公和外婆搬到河畔的房子里去住了,妈妈很支持。因为新房子的建造往后整整推迟了一年,妈妈知道那是外公的梦想,他想在退休后过那种普通村民的生活。妈妈不能如愿常常去拜访,工作多得常常让妈妈感到负担过重。大家都很看好电子商务,都在网络上交易,早在妈妈在香港工作时就负责处理这方面的事。想把工作拜托给谁几乎是不可能的,必须自己想办法解决问题。妈妈自从还在泰国工作时就是驻泰外商的法律顾问。
“然后妈妈就开始生病,起初妈妈认为是工作压力太大,休息得不够。妈妈经常摔坏东西,时常会从楼梯上跌下来,无论是在家还是在工作的地方。这张照片是妈妈让你从天桥的阶梯上跌落后照的,妈妈和你都摔伤了。”
擦过红药水的疤大大地挂在佳媞脸颊上,佳媞自身也许不觉得痛苦,正对着相机笑得很灿烂。但这张相片却在妈妈的心上增添了不小的伤口。妈妈的声音颤抖起来。
“很多次,妈妈都让佳媞受伤。头肿了,嘴破了,疼的时候你哭得很大声。伤后了之后就有变得很调皮,仿佛什么都没有发生过。正如妈妈还怀着你的时候向佛许的愿那样,希望我的孩子内心始终充满快乐,无论生命中会发生什么。
“妈妈开始肯定自己的健康出了问题。在得到确诊后,妈妈请了假搬去和外公外婆一起住。正当妈妈还不确定要如何处理自身的问题时,就又有事情发生了。”
佳媞渐渐让妈妈确信,应该多让佳媞和妈妈在一起。妈妈曾申请说,如果可以的话,希望能和佳媞单独呆在一起,如果有什么需要会让佳媞去说。此时妈妈的脸看上去很苍白,无法说出话来。呼吸机的响声越来越稠密。
“内心深处,妈妈不肯承认自己已经不如从前了,依旧带着你到河渠里划船玩耍。妈妈是趁着外公外婆不注意时带你去的,否则恐怕要惹他们生气。可如果不生气,又不知道妈妈是否会听。妈妈想带你去看河畔的那棵大榕树。我们两个到达河畔凉亭的时候都很安全。你很喜欢水,喜欢船和凉亭,喜欢空心菜花。我们玩得很尽兴,聊得很开心,直到看见远处飘过来的雨云时,已经来不及了。


 点击查看更多此系列文章>> 
 

展开剩余